Sandbox เคยได้ยินคำนี้กันบ้างไหมค่ะ คำนี้สำคัญมากเลยนะคะ สำหรับท่านที่มีเว็บไซต์ และสำคัญมากๆ สำหรับท่านสนใจทำ SEO หรือท่านที่มุ่งเน้นให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดีใน Search Engine วันนี้ทีมงานมีรายละเอียดแบบคร่าวๆ มาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จัก Sandbox กันค่ะ
Sandbox คืออะไร
Sandbox มาจากคำว่า Sandbox Effect หรือเรียกแบบไทยๆ ว่า หลุมทราย เป็นตัวกรองเว็บไซต์ที่ทาง Google ได้พัฒนาขึ้น เนื่องจากเว็บไซต์ที่จัดทำขึ้นมาทั้งหลาย มักจะมุ่งหวังและเน้นในการทำอันดับให้ติด Search Engine อย่างเช่น Google และมักใช้กลวิธีต่างๆ ที่จะทำให้ติดอันดับได้เร็วๆ จึงละเลยคุณภาพของเว็บไซต์ไป ดังนั้นทาง Google จึงได้ทำ Sandbox Effect ขึ้นมา เพื่อดักจับเว็บไซต์ที่เกิดใหม่ทั้งหลาย เก็บไว้ในหลุมทรายให้เว็บเหล่านี้ทำเว็บไซต์อย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างมีคุณภาพ
จะติด Sandbox Effect และออกจาก Sandbox Effect เมื่อไร
เว็บไซต์ทุกเว็บที่มีการ Online เนื้อหาแล้ว ไม่รวมการจดโดเมนเนมล่วงหน้า ที่จดไว้เฉยๆ ยังไม่มีการทำอะไร พูดง่ายๆ ว่าหากในเว็บไซต์มีการใส่เนื้อหา ถึงแม้จะน้อยนิดแต่ก็มีการ Online เว็บแล้ว จะมี Googlebot เข้ามาพบเว็บไซต์ของเราครั้งแรก เมื่อนั้นเว็บไซต์เราก็จะเข้าไปติด Sandbox Effect
การออกจาก Sandbox Effect ต่อเมื่อเว็บไซต์เรามีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือมากพอ ใช้เวลาประมาณอย่างน้อย 6 เดือน เว้นแต่เว็บไซต์ที่ได้รับความน่าเชื่อถือมากๆ และมีเว็บที่มีความน่าเชื่อถือลิงค์มาหาเป็นจำนวนมากพอสมควร เว็บนั้นอาจจะใช้เวลาน้อยกว่า 6 เดือน ก็ออกจาก Sandbox Effect
เมื่อออกจาก Sandbox Effect เว็บไซต์ของเราก็จะมี Page Rank หรือเรียกย่อๆ ว่า PR เริ่มจาก 0,1,2... ไปเรื่อยๆ ยิ่งมี Pr สูงเท่าไหร่ หมายความว่า เว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บที่มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือมาก ย่อมทำให้ตามมาถึงโอกาสที่จะติดอันดับดีๆ ใน Google สูงขึ้นอีกด้วย เช่น Facebook.com มี PR 10 , sanook.com มี PR 7 เป็นต้น เราสามารถเช็ค PR ได้โดยการใช้ Google Toolbar
จะทราบได้อย่างไรว่าหลุดจาก Sandbox Effect
ให้ค้นหาใน Search Engine พิมว่า site:www.domainname.com หากมีการค้นพบเจอเว็บไซต์ของเรานั้นแหละค่ะ แสดงว่าเว็บไซต์เราหลุดออกมาจาก Sandbox Effect แล้ว
หลังจากนี้เราควรพัฒนาเว็บไซต์ของเราให้มีคุณภาพ เนื้อหา บทความ ข่าวสาร มีการอัพเดทเนื้อหาอยู่เสมอ การหลุดจาก Sandbox Effect แล้วจะไม่เข้าไปติด Sandbox Effect อีก แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถทำอะไรๆ ก็ได้ เราไม่ควรสแปมคำคีย์เวิร์ด หรือเพิ่ม Back Link มากจนเกินไป เพราะจะทำให้ถูก De-index ซึ่งก็คือ การที่ Google ไม่แสดงผลเว็บไซต์บางหน้าของเราบน Google เช่น ปกติเราเช็ค site:www.domainname.com ที่กลูเกิล พบว่าเว็บไซต์เราถูก Index ไว้ 10 หน้ากลูเกิล แต่วันนึงมาเช็คใหม่กลับพบเพียง 5 หน้ากลูเกิล แบบนี่ละค่ะเราถูก De-index หรือหากร้ายแรงมากเราอาจจะโดนลบออกจากฐานข้อมูล Search Engine ไปเลย ที่นี้ค้นข้อมูลอย่างไรก็ไม่เจอเว็บไซต์เราอีก
|