ดีไซน์เนอร์ไทยแห่ลง Facebook
ดีไซน์เนอร์ไทยกว่า 7 แบรนด์อย่าง ASAVA, Disaya, Geyhound, Kloset, Issue, Senada Theory, และ Sretsis ล้วนเป็นแบรนด์ไทยที่มีโอกาสได้แสดงแฟชั่นโชว์บนแคตวอร์กดังอย่าง ELLE, Fashion Week ทุกปี ล่าสุดแต่ะแบรนด์ได้สร้าง Page ของตนบน Facebook เพื่อโปรโมตสินค้าและให้ข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหวของสินค้า ตลอดจนสร้างการรับรู้ในตราสินค้าผ่าน Social Network โดยใช้ภาพนางแบบที่สวมเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับของตน
แบรนด์แฟชั่นสไตล์ Modren-Vintage อย่าง Sleeping Pills เกิดจากการรวมตัวของคู่รักคือ “ขวัญและป๊อป” โดยฝ่ายหญิงคือ เฉลิมขวัญ สว่างนาค ซึ่งเรียนทางด้าน Fashion Design มาจากสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่เป็นผู้ออกแบบเลือกชิ้นผ้า ดูแลลการตัดเย็บ และคอยอัพเดทแฟชั่น เพื่อนำมาประยุกตให้เข้ากับคอนเซปต์ของร้านในขณะที่ป๊อปจะรับผิดชอบในส่วนของ Branding และดูแลเว็บไซต์
ขวัญพูดถึงการทำตลาดให้กับ Sleeping Pills ว่า นอกจากจะเป็นสปอนเซอร์เสื้อผ้าให้รายการโทรทัศน์แล้วขวัญยังตัดสินใจสร้าง Page บน Facebook เพื่อใช้เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ และรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้าที่ซื้อสินค้าไปแล้ว การมี Page นั้น ทำให้เจ้าของร้านมีโอกาสในใกล้ชิดกับลูกค้าขึ้นโดย Sleeping Pills จะมีลูกค้าใหม่ประมาณ 20%
ในแต่ละเดือน การมีปฏิสัมพันธ์ผ่าน Page มีส่วนช่วยสถานะลูกค้าใหม่ให้กลายเป็นลูกค้าประจำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ขวัญยังเลือกลงโฆษณาผ่าน Facebook (Facebook Advertising) เพื่อแนะนำ Page ของร้านในช่วงแรกอีกด้วย
ลูกค้าที่ชื่นชอบในตัวสินค้าก็ได้นำรูปถ่ายของตนพร้อมสินค้าที่ซื้อไป มาโพสบน Page อย่างต่อเนื่อง บวกกับความดูแลเอาใจใส่ลูกค้าของขวัญที่มีอย่างสม่ำเสมอส่งผลให้ Sleeping Pills รักษาฐานลูกค้าเก่าได้เป็นอย่างดีและยังได้ลูกค้าหน้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก ปัจจุบัน Sleeping Pills มีแฟนจำนวนกว่า 9,000 คน และเดือนกรกฎาคมนี้ Sleeping Pills มีอายุครบ 1 ปี เมื่อถึงวันนั้นเชื่อว่า Sleeping Pills จะมีแฟนขึ้นหลักหมื่นแน่นอน
ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของลายผ้าที่มีความหลากหลาย และยังมีบริการรับสั่งตัด (Made to Order) ทำให้ Mo & Friends มีจำนวนแฟนเกินหมื่นคนไปแล้วในระยะเวลาเพียงแค่ 6 เดือน เน้นความแตกต่างในตัวสินค้าและความเป็นกันเองจากเจ้าของร้านที่มีต่อลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ
หลังจากได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถิติของผู้ใช้ Facebook ในประเทศไทยว่ามีกว่า 3 ล้านคน และเป็นผู้หญิงเกือบ 2 ล้านคน ในจำนวน Facebook ที่เป็นผู้หญิงนั้นมีกลุ่มเป้าหมายของ Mo & Friends กว่า 50% โอ๊ตจึงตัดสินใจสร้าง Page ให้กับร้านไปพร้อมๆ กับการซื้อโฆษณาบน Facebook (Facebook Advertising)
การตัดสินใจในครั้งนี้ส่งผลให้ Mo & Friends มีรายได้จาก Page สูงถึง 70% เมื่อเทียบกับจำนวนรายได้ทั้งหมด ปัจจุบัน Mo & Friends วางจำหน่ายที่ Isetan ชั้น 2 และที่ร้าน SIBLING สยามเซ็นเตอร์ชั้น 3
หลายคนอาจคาดไม่ถึงว่าการ Facebook Page เพื่อทำหน้าที่เสมือนเว็บบอร์ดนั้นจะช่วยสร้างแบรนด์ให้กับสินค้าได้ดีไม่แพ้การซื้อโฆษณาบนสิ่งพิมพ์
ดีไซน์เนอร์สาว ภัณฑิรา พรหมฟัง หรือ เจเน็ต เป็นเจ้าของ Madame Flamingo แบรนด์รองเท้าที่เจ้าของลงทุนไปเรียนออกแบบรองเท้าจาก ฟรอเรนซ์ ประเทศอิตาลีมาโดยตรง เจเน็ตเปิดเผยว่า หลังจากที่เปิดตัว Madame Flamingo เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2551 แล้วเธอก็ได้ทำเว็บไซต์ เพื่อโปรโมตสินค้าของตนเอง
ด้วยความที่เจเน็ตเองก็คุ้นเคยและเล่น Facebook อยู่เป็นประจำ จึงจะตัดสินใจสร้าง Page ให้กับ Madame Flamingo และใช้ Facebook Ads. ช่วยโปรโมท page อีกทางหนึ่ง ผลปรากฎว่า ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากบรรดาแฟนๆ ที่มีกว่า 5,000 คน นอกจากเว็บไซต์และPage แล้ว Madame Flamingo ยังมีจำหน่ายที่ห้างสรรพสินค้าเซน เซ็นทรัล พระราม 3 เซ็นทรัล เฟสติวัน พระราม 3 พัทยา และเซ็นทรัลกาดสวนแก้ว เชียงใหม่อีกด้วย
แม้ว่าจะมีหน้าร้านเป็นของตนเองแต่เจ้าของร้านหลายราย เริ่มให้ความสำคัญกับการทำการตลาดผ่าน Facebook จะเห็นได้จากร้านเก่าแก่ที่มีมานานกว่า 3 ปี อย่าง Mama Say Zeed โดย โบว์ นิสานารถ หงส์บุญมา เจ้าของร้าน สัมผัสได้ถึงกระแสความแรงของ Facebook ผ่านประสบการณ์ส่วนตัวที่ตนเองก็เป็นหนึ่งในจำนวนหลายล้านคน ที่ใช้ Facebook เป็นช่องทางในการสื่อสารกับกลุ่มเพื่อน เธอจึงเห็นข้อดีในการใช้ Facebook Page เป็นตัวประชาสัมพันธ์ Mama Say Zeed ให้กับกลุ่มคนที่ไม่มีโอกาสได้เลือกสินค้าด้วยตนเองและเป็นการอัพเดทสินค้าใหม่ให้กับลูกค้าประจำ
โบว์บอกกับเราว่า เธอพอใจกับการเลือกใช้ Facebook Page ในการทำการตลาดเพราะกว่า 30% ของรายได้มาจากช่องงทางนี้ อาจเป็นเพราะกลุ่มเป้าหมายของMama Say Zeed เป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่ใช้ Facebook ปัจจุบัน Mama Say Zeed มีหน้าร้านอยู่ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร และเร็วนี้กำลังจะเปิดอีกหนึงสาขาที่ห้างสรรพสินค้าแพลทตินั่ม
สืบเนื่องจากผลกระทบทางการเมืองที่ทำให้ร้านค้าหลายร้านในย่านสยามแสควร์ประสบปัญหาเรื่องรายได้ Morning Shop ก็เป็นอีกหนึ่งร้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้โดยตรง ภาระหนักจึงตกมาที่เจ้าของร้านคือ ชมนันท์ ธนิตยวงศ์ หากแต่เธอเลือกที่จะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดนการเลือกหาช่องทางอื่นที่จะช่วยให้ร้านมีรายได้เข้ามาต่อเนื่องไม่มากก็น้อย
ด้วยความที่เจ้าของร้าน มีความคุ้นเคยกับ Facebook เป็นอย่างดี จึงเกิดความคิดที่จะใช้ Facebook Page เป็นเครี่องมือแก้ปัญหาช่วงวิกฤติการณ์ทางการเมือง นับตั้งแต่ Morning Shopมี Page เป็นของตนเองตั้งแต่กลางเดือนเมษายน ก็ได้รับผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจจากเดิมที่ลูกค้าสามารถแวะเวียนไปเลือกสินค้าที่ร้านด้วยตนเองก็ปรับวิธีการมาเป็นเลือกซื้อสินค้าผ่านทาง Page แทน ชมนันท์บอกกับเราว่า การใช้ Facebook Page นั้นนอกจากจะช่วยรักษาลูกค้าเก่าของ Morning Shop ไว้แล้วยังได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นจากการบอกต่อกันผ่าน Facebook อีกพอสมควร ปัจจุบัน Morning Shop มีจำนวนแฟนเกือบพันคน ซึ่งมาจากการบอกต่อกันผ่าน Facebook ล้วนๆ ถึงแม้ว่าวิธีการทำการตลาดผ่าน Facebook Page นั้น จะไม่ใช่ช่องทางหลักที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับ Morning Shop แต่ก็นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เจ้าของร้านจะใช้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าตอนนี้เหตุการณ์บ้านเมืองจะเข้าสู่ภาวะปกติแล้วก็ตาม
Paa Shop ร้านค้าน้องใหม่ที่มีสองเพื่อนซี้คือ ภา-พิมภัสร์ สิริอัครเศรษฐ และหมิง-พฤณ พานิชพิบูล เป็นเจ้าของร้าน Paa Shop เป็นร้านขายรองเท้าและเสื้อดีไซน์เก๋ซึ่งมีหน้าร้านอยู่สวนจตุจักร ภาบอกกับเราว่าในช่วงแรก ได้ใช้ Facebook ส่วนตัว ในการโปรโมตสินค้าของร้าน ต่อมาระยะหลังมีลูกค้าให้ความสนใจสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าเป็นจำนวนมาก
ทั้งสองจึงตัดสินใจสร้าง Page ให้กับร้านเมื่อต้นพฤษภาคมที่ผ่านมาเพราะนอกจากจะแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานที่สื่อสารผ่าน Facebook ออกจากกันได้แล้ว ยังเห็นข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ การใช้ Facebook Page เป็นการทำการตลาดที่ไม่ต้องใช้ต้นทุนใดๆ นอกจากสละเวลาในการถ่ายรูปสินค้าใหม่ๆ เพื่ออัพเดทให้แฟนของร้านค้าและคอยตอบโต้กับแฟนที่เข้สมาสอบถามรายละเอียดต่างๆ อยู่เป็นระยะๆ หากลูกค้าคนไหนสนใจก็สามารถไปเลือกซื้อสินค้าที่หน้าร้านได้
แม้ในตอนนี้ Paa Shop จะมีจำนวนแฟนเพียง 500 คน แต่ก็นับเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับPage ที่มีอายุเพียง 1 เดือนเท่านั้น และในอนาคตอันใกล้ เจ้าของร้านเองก็สนใจที่จะใช้ Facebook Adevrtising เป็นตัวช่วยในการประชาสัมพันธ์ Page ของPaa Shop อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายแบรนด์ เช่น Kloset,ที่มีจำนวนแฟนกว่า 6,000 คน และ Disaya กับ Greyhound ที่มีแฟนอยู่แบรนด์ละกว่า 3,000 คน แสดงให้เห็นว่า ช่องทางการทำการตลาดผ่าน Facebook ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้เจ้าของธุรกิจเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ทั้งยังสามารถรับฟังเสียงสะท้อนต่างๆ จากลูกค้าได้มากขึ้นอีกด้วย
|