ทุกอย่างบนโลกออนไลน์ ล้วนคือการโฆษณา
ทุกอย่างที่ปรากฏบนโลกออนไลน์ล้วนเป็นสื่อโฆษณาแทบทั้งหมด ไม่เชื่อลองเข้าไปอ่าน Blog หรือเว็บไซต์ แบบเรื่อยเปื่อยในสิ่งที่ชอบ ความชอบของคนเราล้วนโยงใยไปยังสิ่งที่สนใจแทบทุกเรื่อง Blog เล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับร้านอาหารทางอ้อมหรือแบบตรงๆ แบบไม่ตั้งใจ Blong เรื่องการ์ตูน Manga จากต่างประเทศที่มีการโชว์วาด Fan Art ก็ถือว่าเป็นการโฆษณาแบบหนึ่ง
แม้แต่ใน Pantip.com สังคมออนไลน์ที่มีคนเล่นมากมาย ยังมีการโพสต์กระทู้เกี่ยวกับสถานที่กิน ที่เที่ยว ให้หลายคนได้รับรู้ตามความชอบ ซ้ำยังเป็นการประชาสัมพันธ์ให้กับร้านเหล่านั้นให้คนวิ่งไปยังหน้าร้าน เว้นแม้แต่ โซเซียลมีเดีย หรือสื่อสังคม อย่าง Facebook,Twitter หรือ Google+ ที่รูปภาพทั้งหลายที่เราแชร์กันมากมายรอเพื่อนมากด Like หรือ กด ถูกใจ ลองวิเคราะห์ดีๆ ร้อยละ 70 ของภาพเหล่านั้น ล้วนมาจาก Fan Page อาจจะมี Signature เล็กๆอยู่ที่มุมขวาของภาพ เป็นการโปรโมทธุรกิจไปอย่างเนียน
ทุกอย่างเป็นการโฆษณาแทบทั้งสิ้น
- Blog ที่เราสนใจ หรือ ค้นหาข้อมูลจาก Google แล้วพบว่า Blog เหล่านั้นจนเราติดตามอ่านมัน ก็คือกลยุทธการทำให้พบขั้นตอน Get Found ในศาสตร์การตลาด
-กระทู้รีวิวร้านอาหาร หรือภาพถ่ายตลกๆ บน Social Media ที่แชร์กัน ก็คือ Get Found เช่นกัน
- หน้า Landing Page ให้สมัครรับข่าวสาร หรือรับโปรโมชั่นไปทดลองใช้กัน นั้นคือการสร้าง Convent จากผู้เยี่ยมชม
-ฟอร์มที่ให้กรอกข้อมูลเก็บไว้ ล้วนมีการเก็บ E-mail หรือสร้าง Application บน Facebook แล้วใช้เทคนิคการเข้าถึงข้อมูลผ่าน Graph API ก็จะได้ E-mail ของผู้ใช้มาเก็บไว้
ทุกอย่างนั้นคือการโฆษณาและธุรกิจทั้งหมด
ประเด็นที่จะบอกต่อไปนั้นไม่ใช่ให้ลูกค้าไปนั่งเขียน Blog ใหม่ พร้อมกับทำ SEO ให้เครื่องมือการค้นหาอย่าง Google จับ Index ของเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรก แต่จะให้เป็นการแนะนำการใช้พื้นที่ และองค์ประกอบเหล่านั้นมาวิเคราะห์จักแจง และใช้มันสนับสนุนการวางแผ่นโฆษณาของเรา
สิ่งที่คุณต้องรู้สำหรับสื่อดิจิตอล
สื่อประเภทที่ 1 : Google Adwords
เมื่องบเหลืออยากจะลองเล่นโฆษณาแบบไหนให้เกิดการคลิกโฆษณาแล้วซื้อสินค้า หรือสมัครบริการเลย คงหนีไม่พ้น Google Adwords หรือเจ้าโฆษณาสีเหลืองๆตำแหน่งบน และตำแหน่งขวาบนหน้าผลการค้นหาของ Google
เหตุผล : เพราะว่า Google Adwords นั้นมีเครื่องมือในการทำงานร่วมกับ Keyword หรือคำสำคัญในการค้นหาโฆษณา ที่เราจะเล่นให้ไปปรากฏบน Google เวลาที่คนหาสิ่งที่ต้องการนั้น จะมีเครื่องมือในการวิเคราะห์ และประเมินราคาของ KeyWord คำนั้นออกมาเป็นราคาโดยประมาณ ซึ่งเราสามารถใช้เครื่องมือ Keyword Tool ในการค้นหา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของเรา ระบบจะบอกค่าการค้นหาต่อเดือน ให้มาวิเศราะห์ต่อเดือนว่ามีคนค้นหาคำนี้มากน้อยเพียงใด
ให้จำไว้ Adwords คือ 30 เปอร์เซ็นต์ ที่คนจะคลิก และอีก 70 เปอร์เซ็นต์คือ Organic Search แม้ว่าจะน้อยกว่าก็ตาม แต่ 30 เปอร์เซ็นต์ ดังกล่าวก็คือการคลิก ที่มีการซื้อ – ขาย และเกิดการ Convert Lead ที่สูง เพราะมันตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากกว่า ส่วน 70 เปอรืเซ็นต์ นั้นคือพื้นที่สำหรับการตัดสินใจก่อนเลือกซื้อที่ทาง Google ที่เรียกว่า Zero Moment of Truth หรือ ZMOT นั่นเอง หากเรามีเวลามากพอที่จะทำ SEO ก็แนะนำให้ทำดู แต่ถ้าหากว่าไปก็แนะนำให้ลองทำ Digital Asset Optimization