เส้นทางของการทำธุรกิจนั้นอาจเต็มไปด้วยความท้าทายและมีทั้งอุปสรรคขวากหนามมากมายอยู่ตลอดทั้งเส้นทาง ซึ่งถ้าเป็นไปได้ผู้ประกอบการหลายๆ คนหวังอยากให้ตัวเองมีพลังพิเศษ แบบซุปเปอร์ฮีโร่จากในหนัง หรือในการ์ตูนกับเขาบ้าง อาจจะเป็นความสามารถในการตัดสินใจที่ดีขึ้น มีความสามารถในการคิดค้อะไรใหม่ๆ เพื่อตอยสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว มีพลังที่จะทำสามารถทำอะไรทีละหลายๆ อย่างภายในเวลาเดี๋ยวเดียว และอื่นๆ ที่จะช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้ธุรกิจเดินหน้าไปได้ไกลอย่างที่เราต้องการ แม้ว่าสิ่งเหล่านี้คงเกิดขึ้นจริงๆ ไม่ได้ แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราสามารถเรียนรู้การทำธุรกิจจากซุปเปอร์ฮีโร่เหล่านี้ได้
Superman อาจดูเหมือนยอดมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ เพราะเขาทั้งมีร่างกายที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า สามารถบินออกไปได้ไกลถึงนอกโลก และมีพละกำลังมหาศาล ซึ่งแม้ว่า Superman จะมีความสามารถเหนือมนุษย์ขนาดนี้แต่เขาก็ยังคงรู้ตัวเสมอว่าสิ่งหนึ่งที่สามารถทำอันตรายเขาได้ถึงชีวิตก็คือแร่จากบ้านเกิดที่มีชื่อว่า “คริปโตไนท์” นั่นเอง ทำให้ทุกๆครั้งที่ต้องต่อสู้กับเหล่าร้ายเขาจึงต้องระมัดระวังอาวุธต่างๆ ที่ทำจากแร่ชนิดนี้อยู่เสมอ
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกๆ ธุรกิจที่จะต้องรู้จุดแข็ง และจุดอ่อนของตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งจุดแข็งนั้นเรามีไว้เพื่อสร้างให้เป็นจุดเด่นให้กับสินค้าและบริการ เพื่อสร้างความได้เปรียบให้มากกว่าคู่แข่ง แต่การที่มองเพียงจุดแข็งอย่างเดียวย่อมมีโอกาสพลาดได้ง่ายๆ เพราะในทางกลับกัน คู่แข่งของเรานั้นก็สามารถเล็งเห็นถึงจุดอ่อนของเรา และหาวิธีมาโจมตีเพื่อสร้างข้อได้เปรียบทางการค้าจากจุดอ่อนเราก็ได้ ทำให้เราต้องรู้จุดอ่อนของตัวเอง และคอยหาวิธีแก้ไขอยู่เสมอ
แต่จุดอ่อนบางอย่างนั้นเราก็ไม่อาจปกปิหรือแก้ไขได้ง่ายๆ ทำให้ทางเลือกอีกทางหนึ่งคือการมองหาโอกาสดีๆ ที่จะนำเอาจุดอ่อนนั้นมาสร้างสถานการณ์เพื่อให้ความได้เปรียบทางการค้ามาอยู่ที่ฝั่งเราแทนก็ได้ โดยตัวอย่างที่ว่านี้เกิดกับธุรกิจเช่ารถยนต์ 2 แห่ง ซึ่ง Hertz เป็นเจ้าที่เป็นผู้นำในด้านนี้ ส่วนแบรนด์ Avis นั้นเป็นที่รู้กันว่าทำได้แค่เป็นเพียงอันดับที่ 2 รองจาก Hertz เท่านั้น ซึ่งแทนที่ Avis นั้นจะพยายามแข่งขันเพื่อชิงความเป็นที่ 1 แต่กลับเลือกที่จะทำแคมเปญโปรโมท และเปลี่ยนสโลแกนของแบรนด์ใหม่เป็น “We are No.2. So we try harder” ซึ่งผลของสโลแกนที่ว่านี้ ทำให้ใน 4 ปีถัดมาพวกเขาได้รับส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งนี่ก็คือผลพวงจากที่เรารู้จุดอ่อนของตัวเอง และใช้จุดอ่อนนั้นสร้างข้อได้เปรียบแทน
อย่างที่เรารู้กันว่า Tony Stark นั้นไม่ได้เป็น Superhero มาตั้งแต่เกิด แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเป็น Superhero ของเขา เพราะด้วยมันสมองอันชาญฉลาด และด้วยความสนใจในเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ ทำให้เขาสามารถนำเอาเทคโนโลยีเหล่านั้น มาดัดแปลง และพัฒนาเป็นชุดเกราะ และอาวุธต่างๆ ในการต่อสู้กับเหล่าร้ายโดยที่ไม่ต้องพึ่งพลังพิเศษเหมือน Superhero คนอื่นๆ
ซึ่งสำหรับธุรกิจแล้วการติดตามข่าวคราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ นั้นให้ประโยชน์มากกว่าที่เราคิด เพราะนอกจากจะทำให้เราเห็นช่องทาง หรือโอกาสใหม่ๆ ในการทำธุรกิจแล้วนั้น เรายังสามารถนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านั้นมาพัฒนา และปรับใช้ให้เข้ากับองค์กร เหมือนอย่างที่ Tony Stark นำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาปรับใช้เป็นอาวุธต่างๆ ซึ่งในการลงทุนในเทคโนโลยีบางอย่างนั้นยังช่วยให้งานดำเนินไปอย่างราบรื่น และยังช่วยประหยัดต้นทุนในการทำธุรกิจได้มากขึ้นอีกด้วย เหมือนอย่างหลายๆ ธุรกิจที่หมั่นเสาะหาเทคโนโลยี หรือเครื่องจักรใหม่ๆ ที่สามารถทำงานได้อัตโนมัติ มาทดแทนการจ้างพนักงาน เพื่อลดต้นทุนจากค่าแรงที่สูงขึ้นอยู่ในทุกวันนี้ รวมไปถึงอุปกรณ์อย่างมือถือ หรือ Tablet ในปัจจุบันก็มี Application มากมายที่น่าสนใจ และช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการบริหารงานได้มากขึ้นอีกด้วย
เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าทำไมคนทุกยุคทุกสมัยที่ต่างยกให้ Captain America เป็นผู้นำของพวกเขา ทั้งบรรดาทหารในสมัยสงครามโลกครั้ง 2 รวมไปถึงทีมที่รวม Superhero อย่าง Avengers ในยุคปัจจุบันก็เลือกที่จะอยู่ภายใต้การเป็นผู้นำของ Captain America กันทุกคน ซึ่งถ้าเราสังเกตให้ดีจะพบว่า Captain America นั้นเป็นบุคคลที่มีบุคลิกในการเป็นผู้นำสูง อีกทั้งยังมีความสามารถในการสร้างกำลังใจ และแรงบันดาลให้กับบุคคลรอบๆ ตัวได้เป็นอย่างดีอยู่บ่อยครั้ง
หากเราสังเกตลักษณะของเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ หรือ CEO ขององค์กรใหญ่ๆ แต่ละคนนั้น เราจะเห็นได้ว่าส่วนมากของคนประเภทนี้นั้นจะมีบุคลิกของความเป็นผู้นำคล้ายกับ Captain America ค่อนข้างมาก เพราะลักษณะเหล่านี้คือสิ่งที่จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร เพื่อทำให้การติดต่อ และการเจรจาทางธุรกิจเป็นไปได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้คนที่เป็นผู้นำยังต้องมีความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจเพื่อผลักดันตนเอง และผลักดันลูกทีมให้ร่วมมือกันไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้อีกด้วย
ซึ่งเราสามารถเริ่มต้นเป็นผู้นำในแบบที่ว่าได้โดยเริ่มจากการเข้าใจตัวเองก่อน จากนั้นค่อยพยายามทำความเข้าใจลูกทีมในสิ่งที่พวกเขาต้องการ คอยดูว่าพนักงานของเรานั้นยังขาดความสามารถใดที่จำเป็นในการทำงาน และมีอะไรที่เราจะช่วยส่งเสริม และพัฒนาให้กับพวกเขาได้ไหม ลองหาคำพูดที่สร้างกำลังใจ และทำให้ตัวเองนั้นเป็นแบบอย่างที่ดีในองค์กร เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนในองค์กรนั้นสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข
ในเวลาปกติเขาเป็นเพียงนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะที่มีชื่อว่า ดร. แบนเนอร์ แต่เมื่อใดก็ตามที่มีคนทำให้เขาโกรธ หรือเมื่อใดที่เขาจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูเพื่อปกป้องคนที่เขารักแล้วล่ะก็ เขาก็พร้อมที่จะกลายร่างเป็นยักษ์สีเขียวจอมพลัง The Hulk เพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูเหล่านั้น และพร้อมที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าในทันที!! แล้วเมื่อไรล่ะที่ธุรกิจของเราจะต้องกลายร่างเป็นยักษ์สีเขียวจอมพลังแบบ The Hulk บ้าง?
ในขณะที่สังคมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลานั้น ย่อมส่งผลต่อการดำเนินงาน และแผนธุรกิจของเราเช่นกัน ผู้ที่สามารถอยู่รอดในโลกของธุรกิจนั้น คือผู้ที่สามารถปรับตัวได้ตามสภาพสังคมอยู่เสมอ เพราะไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้เลยว่าในวันนี้ที่ลูกค้าซื้อสินค้า และใช้บริการของเราอยู่นั้นจะไม่เปลี่ยนใจในวันข้างหน้า ดังนั้นในเมื่อความต้องการของต้องการของลูกค้านั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดแล้ว หน้าที่ของเราก็คือการปรับตัวเพื่อทำให้สินค้าและบริการของเราคอยตอบสนองความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอเพื่อให้ธุรกิจของเรานั้นยังเป็นที่ต้องการ และอยู่รอดได้ในอนาคต
แต่อย่าลืมว่า The Hulk นั้นยังมีข้อเสียอีกอย่างนั่นคือการแปลงร่างในแต่ละครั้งเขามักจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ และทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าแม้ว่าจะไม่ได้ต้องการก็ตาม เราจึงไม่ควรทำให้ธุรกิจของเราตกอยู่ในสภาพนั้น ในทุกๆ ครั้งที่เราจะต้องปรับตัวตามสภาพสังคมนั้นควรทำอย่างมีสติ และมั่นใจว่ากระแสสังคมเหล่านั้นจะไม่ใช่แค่เพียงแฟชั่นในระยะสั้นๆ ที่ผ่านมาและผ่านไป เพราะในการปรับตัวตามแฟชั่นนั้นจะไม่ค่อยมีความยั่งยืน อีกทั้งในบางครั้งก็ไม่มีคุ้มค่าที่จะเสียเวลาให้ความสำคัญ และเสียเงินทุนไปกับการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ดังนั้นเมื่อไรที่เราต้องการเป็น The Hulk แล้วนั้น จงเป็น The Hulk ที่มีสติอยู่เสมอ
หนึ่งใน Superhero ที่แต่ละธุรกิจน่ายึดถือเป็นแบบอย่างอีกคนหนึ่งคงหนีไม่พ้นมนุษย์กลายพันธุ์สุดอึดจากทีม X-men ที่มีชื่อว่า Wolverine ซึ่งนอกจากเขาจะมีกรงเล็บแข็งแกร่งที่งอกออกมาจากมือทั้งสองข้างเป็นอาวุธแล้ว อีกความสามารถเด่นอีกอย่างหนึ่งของเขาก็คือพลังในการรักษาตัวเอง ทำให้ไม่ว่าเขาโดนคู่ต่อสู้ทำร้ายบาดเจ็บจนล้มลงไปกี่ครั้ง ร่างกายของเขาก็จะรักษาตัวเอง และลุกขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูของเขาอยู่ทุกๆ ครั้ง
แม้ว่าการทำธุรกิจนั้นจะต้องเผชิญกับความเสี่ยง และอุปสรรคมากมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในบางช่วงเวลาหลายๆ ธุรกิจนั้นจะต้องเผชิญกับสภาวะตกต่ำอย่างไม่ได้คาดคิดไว้ แต่สิ่งสำคัญนั้นคือเมื่อเราต้องเผชิญกับเหตุการณ์เหล่านี้เราจะต้องไม่ถอดใจโดยเด็ดขาด จงเป็น Wolverine ที่ทุกครั้งเมื่อล้มแล้ว ให้ใช้บาดแผลเหล่านั้นมาเป็นบทเรียน และเครื่องย้ำเตือนใจสำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เรียนรู้จากบาดแผลเหล่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ความผิดพลาดซ้ำๆ ต้องเกิดขึ้นอีก ก่อนที่จะรักษาตัวเองโดยการให้กำลังใจตัวเองที่จะเดินหน้าต่อไปอีกครั้ง โดยคิดอยู่เสมอว่ายิ่งเราต้องผ่านอุปสรรคมามากเท่าไรเราก็จะยิ่งมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมากขึ้นเท่านั้น
• • •
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างของมุมมองทางธุรกิจจากเรื่องใกล้ๆ ตัว ยังมีเรื่องใกล้ตัวอีกมากมายรอให้เราเข้าไปค้นหา และทำความเข้าใจด้วยมุมมองทางธุรกิจ เพื่อที่จะดึงเอาบางจุดมาใช้เหมือนอย่างจุดเด่นของ Superhero ใน 5 ข้อข้างต้นก็สามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจได้ หรือเราอาจจะใช้มุมมองเหล่านี้เพื่อให้กำลังใจตัวเองบ้าง ซึ่งเมื่อเราหยิบเอาบทเรียนจาก Superhero เหล่านี้ไปใช้แล้วก็อย่าลืมหัวใจสำคัญของ Superhero ด้วยนั่นก็คือการทำธุรกิจอย่างมีคุณธรรมเหมือนอย่างที่ Superhero ทุกคนต่างก็เสียสละทำความดี และช่วยเหลือผู้อื่นแม้ว่าจะไม่ได้รับอะไรตอบแทนเลยก็ตาม
Photos belong to Novafly, Gandal
ขอขอบคุณที่มา : http://incquity.com/articles/super-hero-and-business
ทีมงาน MWE : pair admin 11/06/2556