ถ่ายรูปลงเว็บอย่างไร ให้ขายได้
Call Us
02 612 9230-32, 080 064 8000
Member Login
Login
Forgot Password?  Register
 
Testimonial
" ออกมาเป็นที่พอใจมากคะได้สเป็คสีที่ระบุไว้เลยคะ แถมเจ้าหน้าที่ก็ใจดีคะ ทำให้ได้หมดทุกอย่างคะ บริการดีมาก กันเอง "
คุณเจ เจ้าของร้านเพชรทองเอราวัณเยาวราช
ถ่ายรูปลงเว็บอย่างไร ให้ขายได้
2,305 View | 5 Jun 2013

 

   



             หลายคนมีความคิดอยากเริ่มต้นธุรกิจสักอย่าง แต่ไม่อยากลงทุนเยอะ อยากจะลองไปก่อนพลางๆ แล้วค่อยเริ่มจริงจัง การขายของลงในเว็บน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพราะไม่ต้องเสียค่าที่ ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ฯลฯ เสียอย่างเดียวอยู่ตรงที่ว่า ผู้ซื้อไม่เห็นสินค้าของคุณกับตาตัวเอง ดังนั้นเรา ในฐานะผู้ขายที่ดี จำเป็นจะต้องตอบสนองความต้องการ และขายสินค้าให้ได้ด้วย ดังนั้นจึงเลี่ยงไม่ได้เลยว่าภาพถ่ายเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณขายของได้ และเชื่อเถอะว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คุณคิด และยังให้ผลตอบรับที่ดีมากๆด้วย 

แสงที่ราคาถูกที่สุดในโลกก็คือแสงธรรมชาติ และในช่วง 8-10 โมงนั้นก็ถือเป็นแสงที่สวยที่สุด

       แสงถือเป็นสิ่งสำคัญมากในการถ่ายรูปไม่ว่าจะเป็นการถ่ายเพื่ออะไรก็ตาม ในกรณีนี้เราไม่ได้ให้คุณถึงกับต้องไปเช่าสตูติโอแพงแสนแพง เพราะแสงที่ราคาถูกที่สุดในโลกก็คือแสงธรรมชาตินี่แหละ แดดในช่วง 8-10 โมง ถือเป็นแสงที่สวยที่สุด ไม่มืด ไม่แรงไปสำหรับถ่ายภาพ แถมยังให้ภาพถ่ายที่นุ่มนวลอีกต่างหาก ยิ่งถ้าคุณต้องการขายสินค้าพวกอาหารให้น่ารับประทานด้วยแล้ว เปิดหน้าต่างในห้อง วางของไว้บนโต๊ะปล่อยให้แสงธรรมชาติยามเช้าโลมเลีย สาดส่องอาหารบนโต๊ะ คุณก็จะได้ภาพน่ารับประทานเป็นที่สุดแล้ว หรือจะลองเอาของอย่างอื่นมาวางดูก็ได้ คุณอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมเหมือนกัน 

       การใช้แสงแฟลชนั้นเหมาะสำหรับพวกเพชร หรือกำไลที่มีลักษณะแวววาว  การที่เราเลือกใช้แฟลชในการถ่ายรูปจะยิ่งทำให้สินค้าของเราดูมีราคา และดูระยิบระยับ ดึงดูดผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี ลองใช้กระดาษขาวติดบังบนแฟลชของกล้องถ่ายรูปของคุณก่อน วิธีนี้จะช่วยในการกระจายแสงทำให้แสงแฟลชไม่พุ่งไปที่จุดๆ เดียว สินค้าจะดูสวยและมีมูลค่า เพราะบางทีสินค้าของคุณอาจจะมีราคาค่อนข้างสูงแต่การถ่ายภาพที่ผิดๆ อาจะทำให้ดูราคาถูกทั้งๆที่คุณก็ซื้อมาแสนแพงก็ในเมื่อไม่มีของจริงให้เห็น คนซื้อก็ต้องตัดสินใจจากสิ่งที่เห็น เราจึงควรถ่ายออกมาให้ดูสมจริงและสมราคาที่สุด 

สีดำเป็นสีที่ช่วยส่งเสริมความเด่นให้กับทุกๆสีไม่ว่าสิ่งของจะมีสีอะไร

      กฎมีอยู่ว่า “ขายอะไร สิ่งนั้นควรดูโดดเด่นออกมา” การถ่ายรูปที่บ้านเป็นเรื่องที่สะดวกที่สุด แต่มุมก็หายากเหลือเกิน หรือบางทีถ่ายรูปออกมาเสร็จดันไปติดผ้าเช็ดตัว หรือของใช้ส่วนตัวอย่างไม่ตั้งใจ ปัญหาที่ว่านี้เป็นกันทุกบ้านถ้าคุณไม่ได้มีบ้านที่สร้างมาเพื่อการตกแต่ง แต่ปัญหาจุกจิกแบบนี้แก้ได้ด้วยการสร้างฉากหลังงามๆง่ายๆ ขึ้นมาเองสักอย่าง สองอย่าง คุณอาจจะหาผ้าดำมาขึงไว้ด้านหลังสินค้าของคุณ ไม่ต้องกว้างมาก พอแค่ขนาดภาพที่คุณจะถ่ายเท่านั้น หรืออาจจะหาฟิวเจอร์บอร์ดที่แปะรายงานการประชุมนั้นแหละ หันอีกด้านออกมาแล้ววางของไว้ด้านหน้า คุณอาจจะลองหาผ้าสวยๆ วางรองตรงพื้นด้วยก็ได้ เพื่อให้ดูมีลูกเล่นสนุกๆขึ้นมาอีก  บางคนสงสัยว่าทำไมต้องสีดำ เพราะสีดำเป็นสีที่ช่วยส่งเสริมความเด่นให้กับทุกๆสีไม่ว่าของๆคุณจะมีสีสันแบบใด แต่ถ้าคุณคิดว่า อยากได้ผ้ากำมหยีสีแดงก็ไม่ว่ากัน ถ้ามันจะทำให้สินค้าดูโดดเด่นออกมาได้อย่างสวยงาม 

       ลองนึกภาพตามว่า มีสาวทำงาน 2 คน กำลังต้องการขายกระเป๋าถือของพวกเธอ คนหนึ่งถ่ายรูปกระเป๋ายี่ห้อดัง 1 ใบ ส่วนอีกคนหนึ่งแต่งตัวสวยเต็มที่สไตล์โบฮีเมี่ยนให้เข้ากันกับกระเป๋าผ้าของเธอ ไม่วายเธอคนนี้ยังแต่งหน้าทำผมให้เข้ากันอีกต่างหาก เชื่อหรือไม่ว่า สาวคนที่สองมีโอกาสในการขายกระเป๋าได้มากกว่าสาวคนแรกเสียอีก เพราะนี่เป็นการสร้างความอยากสวย อยากแต่งตัวให้กับผู้ซื้อ อีกทั้งมันยังเป็นการทำให้เห็นภาพว่าสะพายแล้วสวย ใช้ได้จริง ไม่ต่างอะไรกับโฆษณาน้ำดื่มที่ขวดน้ำจะต้องมีน้ำแข็งหรือหยดน้ำเพื่อให้ดูน่ากิน หรือถ้าคุณขายเฟอร์นิเจอร์ คุณอาจจัดวางไว้ในห้องที่ดูเข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้ หรือจะให้นางแบบจำเป็นลองนั่งให้ดูเพื่อเน้นให้เห็นถึงความสะดวกสบายในการใช้ แค่เพียงเท่านี้สินค้าของคุณก็ดูน่าซื้อน่าสนใจมากขึ้นกว่าการตั้งถ่ายโล้นๆ โดยไม่มีอะไรเลย ความจริงทริคข้อนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามคุณลักษณะของสินค้าแต่ละชนิด เช่น คุณจะขายน้ำหอมยี่ห้อหนึ่งที่เป็นกลิ่นดอกไม้นานาพันธุ์ คุณก็ลองนำดอกไม้สวยๆ ที่ดูแล้วสดชื่นมีกลิ่นหอมมาวางไว้ข้างๆตอนถ่ายรูป โรยด้วยมะลิสีขาวเล็กๆรอบๆด้วยก็ได้ วิธีนี้จะทำให้ดูน้ำหอมดูมีกลิ่นหอมแม้แค่เพียงมองจากรูปก็ตาม 

เพราะคนซื้อไม่สามารถหยิบของขึ้นมาพลิกดูด้านหน้า ด้านหลังได้อย่างที่ใจต้องการ จึงควรจะถ่ายรูปเก็บตกให้ครบทุกหน่วยทุกมุม 

       ข้อนี้ถือว่าเป็นข้อที่สำคัญ และสำคัญมากที่สุด เพราะคนซื้อไม่สามารถหยิบของขึ้นมาพลิกดูด้านหน้า ด้านหลังได้อย่างที่ใจต้องการเพื่อตรวจดูว่ามีตำหนิหรือไม่ ลองทาบดูก่อนว่าเข้ากับสีผิวหรือเปล่า ฯลฯ ดังนั้นเราก็ควรจะถ่ายรูปเก็บตกให้ครบทุกหน่วยทุกมุม สมมติว่าคุณซื้อน้ำหอมมาแล้วเกิดเบื่อ อยากจะเปลี่ยนกลิ่นใหม่ดูบ้าง แต่ก็เสียดายถ้าเก็บไว้ก็เก่าเก็บเปล่าๆ คุณก็ต้องถ่ายรูปให้ดูว่าคุณใช้ไปแล้วตอนนี้เหลือเท่าไหร่ ถ่ายวัน เดือน ปีที่ผลิต-หมดอายุ และถ่ายยี่ห้อว่าเป็นของแท้อย่างชัดเจน หรือคุณจะขายรองเท้า คุณก็ต้องถ่ายสภาพการใช้งาน (ถ้าเป็นของมือสอง) ส้นรองเท้าถือเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจ หรือมือถือ คุณก็ควรถ่ายแม้ว่าจะมีตำหนิก็ต้องถ่ายไว้ให้ดูว่ามีอยู่แค่ตรงจุดนี้ แต่สภาพความใหม่นั้นยังคงอยู่ หรือสีสันหน้าจอเป็นเช่นไร สไลด์ได้มั้ย แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ว่า ถึงแม้จะพยายามถ่ายให้ได้ครบทุกมุม ทุกความต้องการก็แล้วแต่ก็ยังไม่พอ เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาเพราะถ้ามีลูกค้าสนใจ แล้วอยากเห็นตรงจุดไหนเพิ่ม พวกเขาจะติดต่อ หรือส่งอีเมลล์กลับมาที่คุณเอง ดังนั้นก็อย่าลืมให้อีเมล์หรือเบอร์โทรติดต่อกลับที่ชัดเจนด้วย

      การรู้จักถ่ายรูปให้ดูสวยนั้นต่างจากการถ่ายเพื่อหลอกลวง เพราะเราแค่พยายามจัดองค์ประกอบภาพให้ดูดี มีสไตล์ ดูโดดเด่นกว่าคู่แข่งรายอื่น เพราะการมองเห็นถือเป็นการรับรู้ที่ดีเยี่ยมของมนุษย์เลยก็ว่าได้ เหมือนกับเวลาที่เราเดินผ่าน window display แล้วก็อดใจไม่ได้ที่จะแวะเข้าไปดู เคล็ดลับที่ได้ให้ไว้ก็ไม่ต่างอะไรกับการจัดหน้าร้านที่สวยงาม แต่อย่าถือโอกาสนี้ถ่ายภาพเพื่อปกปิดรอยตำหนิ หรือปรับเปลี่ยนเกินความจริงที่เป็นเพราะนั้นถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค เข้าขั้นพยายามหลอกลวงให้คนอื่นซื้อของๆเรา และคงไม่มีใครชอบใจแน่ๆ ถ้าได้รับสินค้าที่แตกต่างจากรูปถ่ายราวฟ้ากับดิน 


ขอบคุณที่มา   :  http://incquity.com/articles/tech/online-product-photo
ทีมงาน MWE  :  May Admin 

Back
   
ข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ
  ทำไมต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
  5 แนวทางสร้างกำไรโดยการลดต้นทุนอย่างยั่งยืน (โดยไม่ต้องลดคุณภาพ)
  4 เหตุผลทำไม Start-Up ถึงต้องทำ PR
  SEO หรือ PCC กลยุทธ์ไหนที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณ!
  3 พื้นฐานที่คุณต้องรู้ในการทำ DIGITAL MARKETING ANALYTICS