Makewebeasy.com เป็นอีกเว็บสำเร็จรูปที่หลายคนรู้จักและเป็นทางเลือกของคนที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ ด้วยคุณสมบัติที่สามารถบริหารจัดการได้ด้วยตนเองมีเท็มเพลตให้เลือกกว่า 50 แบบ ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการที่หลากหลาย ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการกว่า 5,000 ราย
ศุภยศ ศิริจำรูญวิทย์ กรรมการผู้จัดการบริษัทพายซอฟท์ จำกัด ผู้พัฒนาเว็บไซต์สำเร็จรูป Makewebeasy กล่าวถึงแนวคิดในการพัฒนาเว็บว่าฯ ต้องการให้ผู้ใช้บริการสามารถสร้างเว็บฯ ได้ง่าย ดังนั้นสิ่งที่คำนึงถึงในการพัฒนาระบบคือ ผู้ใช้บริการไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในเชิงเทคนิค เหมาะสำหรับร้านค้าที่ต้องการขายสินค้าออนไลน์หรือองค์กรที่ต้องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารบนเว็บไซต์นอกจากนั้น ขั้นตอนของการพัฒนายังเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมนำเสนอความคิดเห็น เพื่อให้ทีมงานนำไปปรับปรุงระบบ
การพัฒนาเว็บไซต์สามารถแบ่งออกได้ 2 ส่วน คือ 1. บริการเว็บไซต์สำเร็จรูป ซึ่งเป็นการสร้างเว็บไซต์โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเขียนโปรแกรม หลังจากที่ลูกค้าเข้ามาสมัครสมาชิกจะสามารถสร้างเว็บไซต์และบริหารจัดการได้ด้วยตนเอง 2. บริการจัดการเว็บไซต์ให้ลูกค้า ขณะเดียวกันจะต้องใส่ใจในรายละเอียดตั้งแต่การจัดวางตำแหน่ง (Page Layout) เพราะลูกค้าบางรายไม่ต้องการเมนูไว้ในหน้าแรก หรือไว้ด้านบน ดังนั้นสิ่งสำคัญในการทำเว็บฯ คือ ความสามารถในการคิดออกแบบแทนลูกค้าได้
ทีมพัฒนาเว็บไซต์
ศุภยศกล่าวว่า การพัฒนาเว็บไซต์จะประกอบด้วยทีมงานหลัก 5 ส่วนที่เกี่ยวข้องคือ
1. Project Mananger หรือผู้จัดการโครงการซึ่งตนเองเป็นผู้รับผิดชอบ โดยจะดูแลภาพรวมทั้งหมดและเป็นผู้กำหนดทิศทางการพัฒนาเว็บไซต์ให้กับลูกค้า โดยนำโจทย์ของลูกค้าเป็นตัวตั้งในการพัฒนาเว็บฯ
2. Product Development โดยสิทธิพงษ์ ชนะนิธิธรรมเป็นหัวหน้ารับผิดชอบทีมพัฒนาเว็บทั้งหมด 6 คน จะมีการรับRequirements จากฝ่ายขาย ซึ่งคุยกะลูกค้าโดยตรงมาออกแบบระบบและนำมาใส่ใน engine ของ MakewebEasy ทำให้เว็บฯมีความยืดหยุ่นสำหรับลูกค้า
3. Sale&Support โดยเจนจีรา นุ่มประเสิรฐ เป็นหัวหน้าด้านการขายและดูแลลูกค้า ทำหน้าที่ติดต่อเพื่อรับRequirements จากลูกค้าซึ่งจะนำสิ่งที่ลูกค้าต้องการมาให้กับทีมพัฒนาระบบเพื่อปรับให้ตรงกับความต้องการในทีมนี้จะมีทั้งหมด 6 คน
4. Graphic มีชนานันท์ ศิริสมบัติยืนยง เป็นหัวหน้ารับผิดชอบภาพรวมด้านการออกแบบทั้งในส่วนของเว็บฯ Makewebeasy และเว็บฯของลูกค้า ซึ่งต้องมี requirements จากฝ่ายขายทำให้ทราบว่าลูกค้าต้องการแบบใด ทางทีมงานจะหาข้อมูลและเทรนด์ เพื่ออกแบบได้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทีมนี้จะมีทั้งหมด 4 คน
5. Marketing โดยธัญรัตน์ นฤนาทดำรงค์ เป็นหัวหน้ารับผิดชอบการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทีมนี้มีทั้งหมด 4 คน
เทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนาเว็บ
สิทธิพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนของโครงสร้างหลักพัฒนาด้วยภาษาPHP กับ MySQL ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลแบบโอเพนซอร์ส ดังนั้นเว็บฯ ของลูกค้าจะไม่ล้าสมัยหรือตกยุค ทั้งนี้บริษัทที่พัฒนาเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะใช้เทคโนโลยีโอเพนซอร์สเช่นเดียวกัน สำหรับการพัฒนาเว็บไซต์ให้ลูกค้าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ นับตั้งแต่ลูกค้าส่งข้อมูลและรายละเอียดให้กับฝ่ายขาย
ในการเขียนโปรแกรมนั้น รอบของการพัฒนาจะอยู่ที่ 3 เดือนซึ่งมีการเพิ่มฟีเจอร์ของtemplate ใหม่ๆ รวมทั้งนำระบบSMS มาเพิ่มในเว็บฯสำเร็จรูป เมื่อมีออร์เดอร์จากลูกค้าเข้ามาเจ้าของร้านจะได้SMS แจ้งเตือน ปกติเวลาขายสินค้าจะมีแค่ ชื่อ รายละเอียดและรูปภาพซึ่งสามารถเพิ่มรายละเอียดเข้าไปได้อีก เช่น สีหรือขนาดของเสื้อ (S,M,L) สามารถกำหนดคุณสมบัติของราคาสินค้าได้ยืดหยุ่น และนำไปประยุกต์ใช้กับสินค้าประเภทอื่นได้ ถ้าเวลาสินค้าหมดสต๊อกจะขึ้นคำว่า Sold Out เป็นต้น
ร้านค้าออนไลน์นิยมใช้เว็บฯสำเร็จรูป
เจนจีรา เล่าว่า ผู้ใช้บริการเว็บฯ สำเร็จรูปส่วนใหญ่เป็นร้านค้าออนไลน์ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติพบว่ามีการเปิดร้านค้าออนไลน์มากขึ้น ซึ่งลูกค้าสามารถเริ่มต้นได้โดยไม่ต้องลงทุนสูงมาก
คนไทยส่วนใหญ่เข้าใจว่าเว็บฯสำเร็จรูปคือกล่อง ดีไซน์ไม่ได้ แต่เว็บสำเร็จรูป v1.makewebeasy.com ไม่ใช่เว็บฯ ที่มีรูปแบบตายตัว ลูกค้าสามารถเสนอความคิดเห็น และดีไซน์ปรับแต่งออกแบบได้ถ้าไม่พอใจเท็มเพลต เช่น ลูกค้ามีตัวอย่างเว็บฯเกาหลีมาให้ออกแบบตามที่ต้องการ ดังนั้นเว็บฯ สำเร็จรูปจึงไม่ใช่เว็บที่อยู่ในกรอบ
ขณะนี้ผู้ใช้บริการเว็บฯ สำเร็จรูปต้องการให้มีรายละเอียดเฉพาะทางมากขึ้น เช่น แอพพลิเคชั่นในการสั่งสินค้า การขายสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าปกติทั่วไป หรือที่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก เป็นต้น สำหรับองค์กรใหญ่ในช่วงแรกอาจจจะไม่ต้องการเว็บสำเร็จรูป แต่เมื่อมีทีมงานมีการพัฒนาเว็บฯ ให้มีกราฟฟิคสอดคล้องกับความต้องการจึงมีการใช้งานมากขึ้น และสามารถลดระยะเวลาในการทำเว็บฯได้
เทรนด์ในการพัฒนาเว็บฯ
ชนานันท์ให้ความเห็นถึงเทรนด์กาารพัฒนาเว็บไซต์ในปัจจุบันว่า แฟชั่นเกาหลีกำลังมาแรง และกราฟฟิคแบบวินเทจก็ได้รับความนิยมมากขึ้น เว็บไซต์ต่างๆ มีการนำFacebook และ Twitter เข้ามาประยุกต์ใช้ หรือกรณีที่มีเว็บไซต์อยู่แล้วจะเปิดหน้า Facebook ขึ้นมา เพื่อช่วยโปรโมต จะใช้ Twitter เป็นตัวช่วยส่งข่าวสารให้กับลูกค้า
นอกจากนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการเว็บไซต์ที่มีลูกเล่น เช่น ปฏิทิน นาฬิกา หรือเมื่อนำเม้าส์ไปคลิกจะมีไอคอนการ์ตูน เป็นต้น ซึ่งทีมงานจะแนะนำลูกค้าให้เข้าใจว่า เว็บไซต์ขายสินค้าไม่จำเป็นต้องมีลูกเล่นมาก แต่ให้เน้นที่เนื้อหาและสินค้า โดยให้ข้อมูลที่เพียงพอจะทำให้โอกาสในการขายสินค้าเพิ่มขึ้น สามารถค้นหาสินค้าเจอได้ง่ายขึ้นในGoogle
คำแนะนำสำหรับการทำเว็บไซต์
ในเบื้องต้นต้องสำรวจความต้องการก่อนว่า ทำเว็บฯเพื่ออะไร ต้องการให้ข้อมูลองค์กรหรือขายสินค้า ต้องเตรียมข้อมูลให้พร้อมเช่น ถ้าเป็นบริษัทอาจจะให้ข้อมูลว่า บริษัทดำเนินธุรกิจอะไรหรือมีบริการอะไรบ้าง ส่วนเว็บไซต์ที่ขายสินค้าจะต้องดูว่าขายสินค้าอะไร กลุ่มลูกค้าคือใคร และทำอย่างไรให้ลูกค้ารู้จัก โดยจะต้องมีการอัพเดทเนื้อหา และเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ จะต้องมีการปรับปรุง Re-Design เว็บไซต์ประมาณ 1ปี/ครั้ง เพื่อให้ดูทันสมัยและดึงดูดผู้เข้าชม
|